วันพุธที่ 12 ตุลาคม พ.ศ. 2559

ตัวอย่าง ห้องสมุดที่ใช้ระบบทศนิยมของดิวอี้ในการจัดหมวดหมู่หนังสือ


สำนักวิทยบริการและเทคโนโลยีสารสนเทศ
มหาวิทยาลัยราชภัฏมหาสารคาม



          สำนักวิทยบริการและเทคโนโลยีสารสนเทศ เริ่มเปิดให้บริการตั้งแต่เป็นโรงเรียนฝึกหัดครูมหาสารคาม เมื่อ พ.ศ. 2490 มีสถานที่ตั้งห้องสมุดอยู่ที่ห้องหน้ามุขติดกับ ห้องครูใหญ่ของอาคารเฟื่องฟ้า โดยเจ้าหน้าที่พัสดุของโรงเรียนเป็นผู้จัดหาหนังสือ ต่อมาใน พ.ศ. 2495 ได้ย้ายมาจากอาคารเฟื่องฟ้ามาอยู่ที่อาคารบานบุรี
          พ.ศ. 2502 ย้ายจากอาคาร บานบุรีมาอยู่อาคารเรียน 1 และได้ขยายห้องชั้นล่างเป็นที่อ่านหนังสือพิมพ์ หลังจากนั้นได้ย้ายไปอยู่อาคาร 2 ทางทิศตะวันตกของอาคารมี 3 ห้องเรียน มีที่นั่งประมาณ 80 ที่
          พ.ศ. 2509 ห้องสมุดมีผู้บริหารที่มีวุฒิทางบรรณารักษศาสตร์ คือ อาจารย์เสนาะ ทั่วทิพย์
          พ.ศ. 2512 ขยายห้องสมุดออกไปอีก 3 ห้อง
          พ.ศ. 2514 ขยายห้องสมุดไปรวมกับห้องปฏิบัติการทางหลักสูตร ของ หมวดวิชาการศึกษา
          พ.ศ. 2517 ย้ายไปอยู่อาคารหอสมุด 2 ชั้น มีห้องประชุมและห้องเรียน 1 ห้อง
          พ.ศ. 2539 ห้องสมุดได้รับการปรับโครงสร้างในการบริหารเป็นหน่วยงาน สังกัดสำนักส่งเสริมวิชาการ ตาม พ.ร.บ. สถาบันราชภัฏ
          พ.ศ. 2540 ปรับโครงสร้างในการบริหารเป็นสำนักวิทยบริการ สังกัดสำนักส่งเสริมวิชาการ
          พ.ศ. 2542 ย้ายไปอยู่อาคารหอสมุดใหม่ 6 ชั้น มีพื้นที่ 2,970 ตารางเมตร
ส่วนงานวารสารอยู่อาคารหอสมุดเดิม ชั้น 2 และได้ปรับโครงสร้างการบริหารเป็น ศูนย์วิทยบริการ สังกัดสำนักส่งเสริมวิชาการ
          พ.ศ. 2543 สำนักวิทยบริการและเทคโนโลยีสารสนเทศ อาคาร 6 ชั้น และอาคารหอสมุดเดิมชั้น 2 แล้วสร้างเชื่อมระหว่าง 2 อาคาร เป็นห้องโถงสำหรับจัดนิทรรศการและบริการหนังสือพิมพ์
          พ.ศ. 2545 สมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา กรมหลวงนราธิวาส
ราชนครินทร์ทรงพระกรุณา โปรดเกล้าฯ ประทานนามอาคารหอสมุดของสถาบันราชภัฏ ทั่วประเทศว่า “บรรณราชนครินทร์”
          พ.ศ. 2547 พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงโปรดเกล้าฯ ให้ตราพระราชบัญญัติมหาวิทยาลัยราชภัฏ
          พ.ศ. 2547 ซึ่งส่งผลให้สถาบันราชภัฏมหาสารคามเปลี่ยนสถานะเป็นมหาวิทยาลัยราชภัมหาสารคาม ตั้งแต่วันที่ 15 มิถุนายน พ.ศ. 2547
          พ.ศ. 2548 สำนักวิทยบริการและเทคโนโลยีสารสนเทศ ได้จัดการบริหารตามโครงสร้างการบริหารเป็น 3 ฝ่าย ดังนี้
1. ฝ่ายอำนวยการ
2. ฝ่ายหอสมุด
3. ฝ่ายเทคโนโลยีสารสนเทศ
          พ.ศ. 2549 สำนักวิทยบริการและเทคโนโลยีสารสนเทศ มีการปรับส่วนงาน โดยมีฝ่ายวิทยพัฒนา ซึ่งเดิมขึ้นอยู่กับสำนักส่งเสริมวิชาการ มาสังกัดเป็นหน่วยงานในฝ่ายอำนวยการของสำนักวิทยบริการฯ และสำนักวิทยบริการฯ มีพื้นที่บริการเพิ่มขึ้น เนื่องจากศูนย์คอมพิวเตอร์ ได้ย้ายไปอยู่ที่อาคารศูนย์ภาษาและคอมพิวเตอร์
          พ.ศ. 2550 สำนักวิทยบริการฯ ได้ย้ายงานบริการวิทยานิพนธ์และงานวิจัยจากชั้น 5 อาคารบรรณราชนครินทร์ ไปไว้ที่ ตึกเก่า ชั้น 1 ทำให้อาคารเดิมมีงานบริการวิชาการ 4 หน่วยงาน คือ งานบริการวิทยานิพนธ์และงานวิจัย งานเครือข่ายพัฒนาครู งานวิทยพัฒนา และงานวารสารหนังสือพิมพ์และสิ่งพิมพ์ต่อเนื่อง และเนื่องจากปีนี้เป็นปีเฉลิมพระชนมายุครบ 80 พรรษา มหาวิทยาลัยจึงมีการจัดทำห้องเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จ พระเจ้าอยู่หัว 80 พรรษา โดยได้มอบหมายให้สำนักวิทยบริการฯ ดำเนินการจัดทำ ห้องดังกล่าว โดยปรับปรุงอาคารห้องประชุมวิบูลย์-ยุพิน เลาหพงศ์ชนะ เป็นห้องเฉลิมพระเกียรติฯ เพื่อแสดงนิทรรศการถาวรของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวที่เกี่ยวกับจังหวัดมหาสารคามและมหาวิทยาลัยราชภัฏมหาสารคาม

สามารถรับชมวิดีทัศน์แนะนำได้ที่ https://www.youtube.com/watch?v=QtfO3XNp-5M

และติดตามข้อมูลข่าวสารได้ที่ http://arcm.rmu.ac.th/arit2/

ประวัติของ เมลวิล ดิวอี้ ผู้คิดค้นการจัดหมวดหมู่หนังสือระบบทศนิยม


เมลวิล ดิวอี้



          เมลวิล ดิวอี้ (Melvil Dewey) บรรณารักษ์ชาวอเมริกันเป็นผู้คิดระบบการจัดหมู่หนังสือแบบทศนิยมขึ้น ดิวอี้เป็นที่รู้จักกันทั่วโลกในวงการห้องสมุดและบรรรณารักษศาสตร์ เพราะนอกจากจะเป็นผู้คิดระบบการจัดหมู่แบบระบบทศนิยมดิวอี้ (Dewey Decimal Classification) แล้ว ยังเป็นผู้หนึ่งที่ริเริ่มก่อตั้งสมาคมห้องสมุดอเมริกันซึ่งเป็นสมาคมอาชีพบรรณารักษ์แห่งแรกในโลกสมาคมนี้ได้มีการฉลองครบรอบร้อยปีของการจัดตั้งเมื่อเดือนกรกฎาคม ค.ศ. 1976 ยังเป็นผู้จัดตั้งโรงเรียนบรรณารักษศาสตร์แห่งแรกขึ้น ที่มหาวิทยาลัยโคลัมเบียนิวยอร์กเมื่อ ค.ศ. 1887 และได้ออกวารสาร Library Journal ซึ่งเป็นวารสารทางบรรณารักษศาสตร์ฉบับแรก

          ดิวอี้ เกิดเมื่อวันที่ 10 ธันวาคม ค.ศ.1851 ดิวอี้มีความสนใจงานห้องสมุดเป็นพิเศษ ในขณะที่ศึกษาในมหาวิทยาลัยแอมเมอร์สต์ (Amherst College) ในรัฐแมสซาจูเซท ได้สมัครเข้าทำงานห้องสมุดในวิทยาลัยนั้นในตำแหน่งผู้ช่วยบรรณารักษ์ ดิวอี้ไปดูงานด้านการจัดหมู่หนังสือแบบทศนิยมขึ้นในเดือนพฤษภาคม ค.ศ. 1873 ได้นำเสนอต่อคณะกรรมการห้องสมุดของวิทยาลัยและได้รับอนุมัติให้ใช้ในห้องสมุดของวิทยาลัยนั้น

          ดิวอี้เริ่มพิมพ์หนังสือการจัดหมวดหมู่ครั้งแรกของเขาโดยให้ชื่อว่า A Classification and Subject Index for Cataloguing and Arranging the Books and Pamphletts of a Library เมื่อปี ค.ศ. 1876 ซึ่งต่อมาได้รับการปรับปรุงนำไปใช้ในหลายประเทศ ฉบับพิมพ์เมื่อ ค.ศ. 1876 ประกอบไปด้วยตารางการจัดหมวดหมู่ 44 หน้า หมวดหมู่ใหญ่ๆ ได้ดัดแปลงมาจากการจัดหมวดหมู่ ฮาร์ริส ซึ่งได้รับอิทธิพลมาจากการจัดหมวดหมู่ของ ฟรานซิส เบคอน มาก่อน

          ดิวอี้ เป็นผู้ริเริ่มการจัดกิจกรรมใหม่ๆในวงการวิชาชีพบรรณารักษศาสตร์มากมายตามที่กล่าวมาข้างต้น และยังมีกิจกรรมอื่นๆ ในการส่งเสริมความก้าวหน้าทางวิชาชีพ เช่น การจัดตั้งสมาคมห้องสมุดแห่งนิวยอร์ค (New York Library Association) ซึ่งเป็นตัวอย่าง แก่สมาคมห้องสมุดอื่นๆทั่วโลกตามมาภายหลัง


          ดิวอี้ถึงแก่กรรม เมื่อวันที่ 26 ธันวาคม ค.ศ.1931

          อ้างอิงจาก http://guru.sanook.com/6386/

วันอังคารที่ 11 ตุลาคม พ.ศ. 2559

การจัดหมวดหมู่หนังสือระบบทศนิยมของดิวอี้


การจัดหมวดหมู่หนังสือระบบทศนิยมของดิวอี้


          การจัดหมวดหมู่หนังสือระบบทศนิยมของดิวอี้ (Dewey Decimal Classification) เรียกโดยว่า ระบบ D.C. หรือ D.D.C. ระบบนี้ตั้งชื่อตามผู้คิดค้น คือ นายเมลวิล ดิวอี้ (Melvil Dewey) บรรณารักษ์ชาวอเมริกัน ดิวอี้มีความสนใจห้องสมุดเป็นพิเศษ  ในขณะที่เป็นนักศึกษาชั้นปีที่ 3 ในวิทยาลัยแอมเฮิร์สต์ ในรัฐแมสซาซูเสตต์ เขาได้สมัครเข้าทำงานห้องสมุดของวิทยาลัยนั้นในตำแหน่งผู้ช่วยบรรณารักษ์  เขาได้ไปดูงานด้านการจัดหนังสือให้สะดวกแก่การใช้ในห้องสมุดต่างๆ ถึง 50 แห่ง แล้วจึงได้เริ่มคิดระบบการจัดหมวดหมู่แบบทศนิยมขึ้นในเดือนพฤษภาคม พ.ศ. 2416 (ค.ศ. 1873) เขาได้นำเสนอต่อคณะกรรมการห้องสมุดของวิทยาลัยนั้น จัดพิมพ์เป็นรูปเล่มครั้งแรกเมื่อปี ค.ศ. 1876 และได้มีการปรับปรุงแก้ไขเพิ่มเติมเลขหมู่ให้ทันสมัยอยู่เสมอและจัดพิมพ์ใหม่ครั้งหลังสุดเมื่อปี พ.ศ. 2534 เป็นการพิมพ์ครั้งที่ 20 ระบบนี้ใช้ตัวเลขเป็นสัญลักษณ์แทนชนิดของหนังสือ โดยใช้ตัวเลขสามหลัก และยังสามารถใช้จุดทศนิยมหลังเลขหลักร้อยช่วยในการแบ่งย่อยเนื้อหาวิชาได้อีกด้วย ระบบนี้ใช้ง่าย  เข้าใจและจำได้ง่าย จึงเป็นระบบการจัดหมวดหมู่ที่นิยมใช้กันแพร่หลายในห้องสมุดโรงเรียน ห้องสมุดประชาชน ในทุกๆ ประเทศทั่วโลก รวมทั้งประเทศไทยเราด้วย

ระบบทศนิยมของดิวอี้  แบ่งหนังสือเป็นหมวดหมู่ใหญ่ไปหาหมวดย่อยๆ ดังนี้

1. หมวดใหญ่ (Classes) หรือ การแบ่งครั้งที่ 1


คือ การแบ่งความรู้ต่างๆ ออกเป็น 10 หมวดใหญ่ โดยใช้ตัวเลขหลักร้อยเป็นสัญลักษณ์ ดังต่อไปนี้

หมวด  000  เบ็ดเตล็ด ความรู้ทั่วไป บรรณารักษศาสตร์
หมวด  100  ปรัชญา จิตวิทยา
หมวด  200  ศาสนา
หมวด  300  สังคมศาสตร์
หมวด  400  ภาษาศาสตร์
หมวด  500  วิทยาศาสตร์ คณิตศาสตร์
หมวด  600  เทคโนโลยีหรือวิทยาศาสตร์ประยุกต์
หมวด  700  ศิลปกรรมและนันทนาการ
หมวด  800  วรรณคดี
หมวด  900  ภูมิศาสตร์และประวัติศาสตร์ 


2. หมวดย่อย (Division) หรือ การแบ่งครั้งที่ 2


คือ การแบ่งหมวดใหญ่แต่ละหมวดออกเป็น 10 หมวดย่อย โดยใช้ตัวเลขหลักสิบแทนสาขาวิชาต่างๆ ดังต่อไปนี้

000  เบ็ดเตล็ด
010  บรรณานุกรมและแค็ตตาล็อกหนังสือ
020  บรรณารักษศาสตร์และสารนิเทศศาสตร์
030  สารานุกรมทั่วไป
040  (ยังไม่กำหนด)
050  สิ่งพิมพ์ต่อเนื่องและดรรชนี
060  องค์กรต่างๆ  และพิพิธภัณฑวิทยา
070  วารสารศาสตร์ การพิมพ์ หนังสือพิมพ์
080  รวมเรื่องทั่วไป
090  ต้นฉบับตัวเขียนและหนังสือหายาก
----------------------------------------------------------------------------
100  ปรัชญาและจิตวิทยา
110  อภิปรัชญา
120  ทฤษฎีแห่งความรู้ ความเป็นมนุษย์
130  จิตวิทยาสาขาต่างๆ ศาสตร์เกี่ยวกับความลึกลับ
140  ปรัชญาระบบต่างๆ
150  จิตวิทยา
160  ตรรกวิทยา
170  จริยศาสตร์ จริยธรรม ศีลธรรม
180  ปรัชญาสมัยโบราณ ปรัชญาสมัยกลาง และปรัชญาตะวันออก
190  ปรัชญาตะวันตกสมัยใหม่
----------------------------------------------------------------------------
200  ศาสนา
210  ศาสนาธรรมชาติ
220  คัมภีร์ไบเบิล
230  เทววิทยาตามแนวคริสตศาสนา
240  ศีลธรรมของชาวคริสเตียน
250  ระเบียบแบบแผนของศาสนาคริสต์
260  สังคมของชาวคริสเตียน
270  ประวัติคริสต์ศาสนาในประเทศต่างๆ
280  คริสต์ศาสนาและนิกายต่างๆ
290  ศาสนาเปรียบเทียบและศาสนาอื่นๆ
----------------------------------------------------------------------------
300  สังคมศาสตร์
310  สถิติทั่วไป
320  รัฐศาสตร์
330  เศรษฐศาสตร์
340  กฎหมาย
350  รัฐประศาสนศาสตร์ การบริหารรัฐกิจ การบริหารกองทัพ
360  ปัญหาสังคม สวัสดิภาพสังคม
370  การศึกษา
380  การพาณิชย์ การสื่อสาร การขนส่ง
390  ขนบธรรมเนียม ประเพณี คติชนวิทยา
----------------------------------------------------------------------------
400  ภาษาศาสตร์
410  ภาษาศาสตร์เปรียบเทียบ
420  ภาษาอังกฤษ
430  ภาษาเยอรมันและภาษาในกลุ่มเยอรมัน
440  ภาษาฝรั่งเศส
450  ภาษาอิตาเลียน ภาษารูเมเนียน
460  ภาษาสเปน ภาษาโปรตุเกส
470  ภาษาละติน
480  ภาษากรีก
490  ภาษาอื่นๆ
----------------------------------------------------------------------------
500  วิทยาศาสตร์และคณิตศาสตร์
510  คณิตศาสตร์
520  ดาราศาสตร์
530  ฟิสิกส์
540  เคมี โลหะวิทยา
550  ธรณีวิทยา
560  บรรพชีวินวิทยา ชีวิตโบราณศึกษา
570  วิทยาศาสตร์ชีวภาพ
580  พฤกษศาสตร์
590  สัตววิทยา
----------------------------------------------------------------------------
600  เทคโนโลยีและวิทยาศาสตร์ประยุกต์
610  แพทยศาสตร์
620  วิศวกรรมศาสตร์
630  เกษตรศาสตร์
640  คหกรรมศาสตร์
650  ธุรกิจและการจัดการธุรกิจ
660  วิศวกรรมเคมี
670  โรงงานอุตสาหกรรม
680  โรงงานผลิตสินค้าเบ็ดเตล็ดอื่นๆ
690  การก่อสร้างและวัสดุก่อสร้าง
----------------------------------------------------------------------------
700  ศิลปะและนันทนาการ
710  สิลปะการออกแบบบริเวณพื้นที่
720  สถาปัตยกรรม
730  ประติมากรรมและศิลปะพลาสติก
740  มัณฑนศิลป์และการวาดเขียน
750  จิตรกรรม
760  ศิลปะการพิมพ์ ศิลปะกราฟิก
770  การถ่ายภาพและภาพถ่าย
780  ดนตรี
790  ศิลปะการแสดง นันทนาการ การกีฬา
----------------------------------------------------------------------------
800  วรรณคดี
810  วรรณคดีอเมริกัน
820  วรรณคดีอังกฤษ
830  วรรณคดีเยอรมัน
840  วรรณคดีฝรั่งเศส
850  วรรณคดีอิตาเลียน
860  วรรณคดีสเปน วรรณคดีโปรตุเกส
870  วรรณคดีละติน
880  วรรณคดีกรีก
890  วรรณคดีภาษาอื่นๆ
----------------------------------------------------------------------------
900  ภูมิศาสตร์และประวัติศาสตร์
910  ภูมิศาสตร์และการท่องเที่ยว
920  ชีวประวัติและสกุลวงศ์
930  ประวัติศาสตร์โลกโบราณ
940  ประวัติศาสตร์ทวีปยุโรป
950  ประวัติศาสตร์ทวีปเอเชียตะวันออก ตะวันออกไกล
960  ประวัติศาสตร์ทวีปแอฟริกา
970  ประวัติศาสตร์ทวีปอเมริกาเหนือ
980  ประวัติศาสตร์ทวีปอเมริกาใต้

990  ประวัติศาสตร์ส่วนอื่นๆ ของโลก

3. หมู่ย่อย (Section) หรือ การแบ่งครั้งที่ 3


คือ การแบ่งหมวดย่อยแต่ละหมวดออกเป็น 10 หมู่ย่อย โดยใช้เลขหลักหน่วยแทนสาขาวิชา

เนื่องจากเนื้อหาในส่วนนี้ค่อนข้างละเอียดและมีจำนวนมาก
ผู้อ่านสามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้โดย คลิกที่นี่

ระบบการจัดหมวดหมู่หนังสือ


ระบบการจัดหมวดหมู่หนังสือ


          ระบบการจัดหมวดหมู่หนังสือมีหลายระบบ เช่น ระบบเอ็กซ์แพนซีพ (Expansive Classification) , ระบบทศนิยมของดิวอี้ (Dewey Decimal Classification) , ระบบหอสมุดรัฐสภาอเมริกัน (Library of Congress Classification ) , ระบบทศนิยมสากล (Universal Decimal Classification) , ระบบซับเจค (Subject Classification) , ระบบโคลอน (Colon Classification) , ระบบบรรณานุกรม (Bibliographic Classification) เป็นต้น

          ระบบการจัดหมวดหมู่หนังสือที่กล่าวไว้ข้างต้น บางระบบมีการนำมาใช้น้อยมาก แต่บางระบบมีการนำมาใช้แพร่หลายในประเทศต่างๆ รวมทั้งประเทศไทยด้วย ได้แก่  ระบบหอสมุดรัฐสภาอเมริกันและระบบทศนิยมของดิวอี้ ทั้งสองระบบนี้ห้องสมุดได้นำมาใช้แตกต่างกันตามลักษณะและขนาดของห้องสมุด ซึ่งนับว่าเป็นระบบการจัดหมวดหมู่ที่สำคัญ โดยที่ การจัดหมวดหมู่หนังสือระบบทศนิยมของดิวอี้ เป็นที่นิยมใช้มากที่สุด

ความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับการจัดหมวดหมู่หนังสือ


ความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับการจัดหมวดหมู่หนังสือ


ความหมายของการจัดหมวดหมู่หนังสือ


          การจัดหมวดหมู่หนังสือ คือ การจัดกลุ่มหนังสือ โดยพิจารณาจากเนื้อหาสาระของหนังสือเป็นสำคัญ หรือลักษณะการประพันธ์อย่างเดียวกันไว้ด้วยกัน โดยมีสัญลักษณ์แสดงเนื้อหาของหนังสือแต่ละประเภทโดยจะเขียนสัญลักษณ์แทนประเภทของหนังสือไว้ที่สันหนังสือแต่ละเล่ม เพื่อจะเป็นการบอกตำแหน่งของหนังสือที่อยู่ในห้องสมุด

ความสำคัญของการจัดหมวดหมู่หนังสือ


          1. ผู้ใช้ห้องสมุดและเจ้าหน้าที่ห้องสมุดสามารถค้นหาหนังสือที่ต้องการได้ง่ายและประหยัดเวลา เพราะเมื่อมีการจัดหนังสืออย่างเป็นระบบ ที่สันหนังสือทุกเล่มจะมีเลขหมู่หนังสือ ผู้ใช้ห้องสมุดสามารถค้นหนังสือได้โดยเปิดดูเลขจากบัตรรายการ แล้วตรงไปหาหนังสือจากชั้นได้อย่างรวดเร็ว เจ้าหน้าที่ห้องสมุดก็สามารถจัดเก็บหนังสือขึ้นได้อย่างถูกต้องและรวดเร็ว
          2. หนังสือที่มีเนื้อหาวิชาอย่างเดียวกัน หรือคล้ายคลึงกันจะรวมอยู่ในหมวดเดียวกัน ช่วยให้ผู้ใช้ห้องสมุดมีโอกาสเลือกหนังสือเนื้อเรื่องที่มีเรื่องที่ต้องการจากหนังสือหลายๆ เล่มได้อย่างรวดเร็ว
          3. หนังสือที่มีเนื้อเรื่องเกี่ยวเนื่องกัน หรือสัมพันธ์กันจะอยู่ใกล้ๆ กัน ซึ่งจะช่วยให้ผู้อ่านสามารถหาหนังสือที่มีเรื่องราวเหมือนกันมาประกอบเนื้อหาให้สมบูรณ์ยิ่งขึ้น
          4. ช่วยให้ทราบว่ามีจำนวนหนังสือในแต่ละหมวดมากน้อยเพียงใด
          5. เมื่อได้หนังสือใหม่เข้ามาห้องสมุด ก็สามารถจัดหมวดหมู่ แล้วนำออกขึ้นชั้นรวมกับหนังสือที่มีอยู่ก่อนแล้วเพื่อให้บริการได้อย่างรวดเร็ว

ประโยชน์ของการจัดหมวดหมู่หนังสือ


          1. หนังสือแต่ละเล่มจะมีสัญลักษณ์แทนเนื้อหาของหนังสือ
          2. หนังสือที่มีเนื้อหาวิชาอย่างเดียวกันคล้ายคลึงกันจะรวมอยู่ในหมวดหมู่เดียวกัน ช่วยให้ผู้ใช้มีโอกาสเลือกหนังสือหรือเนื้อเรื่องตามที่ต้องการจากหนังสือได้หลายเล่ม
          3. หนังสือที่มีเนื้อเรื่องเกี่ยวเนื่องกัน หรือสัมพันธ์กันจะอยู่ใกล้ๆ กัน ซึ่งจะช่วยให้ผู้อ่านสามารถหาหนังสือที่มีเรื่องราวเหมือนกันมาใช้ประกอบเนื้อหาได้สมบูรณ์ยิ่งขึ้น
          4. หนังสือที่มีลักษณะคำประพันธ์แบบเดียวกันจะอยู่รวมกันตามภาษาของคำประพันธ์นั้น
          5. ช่วยให้ผู้ใช้ห้องสมุดสามารถค้นหาหนังสือได้อย่างสะดวกและรวดเร็ว และช่วยประหยัดเวลา เพราะสันหนังสือทุกเล่มจะปรากฏเลขเรียกหนังสือ เจ้าหน้าที่สามารถจัดเก็บเข้าที่ได้ถูกต้องและรวดเร็ว
          6. ช่วยให้ทราบจำนวนหนังสือแต่ละสาขาวิชาว่ามีจำนวนมากน้อยเพียงใด หากวิชาใดมีจำนวนน้อยไม่เพียงพอกับความต้องการจะได้จัดหาเพิ่มเติมได้อย่างเหมาะสม
          7. เพิ่มประสิทธิภาพในการสืบค้นวัสดุห้องสมุด ลดความผิดพลาดในการสืบค้น สามารถค้นได้อย่างถูกต้อง สมบูรณ์ รวดเร็ว และประหยัดเวลา

วันจันทร์ที่ 10 ตุลาคม พ.ศ. 2559

เกี่ยวกับผู้จัดทำ


จัดทำโดย


นางสาวพนิดา โสภาโพธิ์
รหัสนักศึกษา 583410270113
สาขาวิชาบรรณารักษ์ศึกษาและภาษาอังกฤษ
คณะครุศาสตร์
มหาวิทยาลัยราชภัฏมหาสารคาม